
คิดแบบนี้โชคดีตลอดกาล
ไขความลับของโชคดีและโชคร้ายด้วยหลักจิตวิทยา จากนักอ่านใจไดโกะ
โชคและดวงถือเป็นแนวคิดที่ปรากฏอยู่ในวัฒนธรรมมนุษย์ทุกชาติทุกภาษา แม้จะมีความหมายหรือรายละเอียดที่แตกต่างกันไปบ้าง แต่โดยทั่วไปแล้วโชคและดวงมักเข้ามาเกี่ยวข้องกับมนุษย์ทุกครั้งที่เราต้องการอธิบายเหตุการณ์ที่ไม่สามารถหาความสัมพันธ์เชิงเหตุผลได้ หรือเป็นเรื่องยากเกินความสามารถของเราที่จะทำความเข้าใจ คาดการณ์ หรือควบคุม
ด้วยเหตุนี้เรื่องโชคและดวงจึงมักผูกติดกับสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ ฟังดูแล้วไม่เป็นวิทยาศาสตร์ หรือมักถูกมองว่าเป็นเรื่องงมงาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเชื่อดังกล่าวมีอิทธิพลกับชีวิตประจำวันของเราอย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะในสังคมไทยที่รับเอาแนวคิดดังกล่าวเข้ามาพร้อมกับความเชื่อทางศาสนา ด้วยเหตุนี้แม้แต่คนที่ปฏิเสธเรื่องโชคและดวงมาตลอดชีวิต เมื่อเจอเหตุการณ์ร้าย ๆ ที่ตัวเองไม่คาดคิด ก็คงอดไม่ได้ที่จะโยนความผิดให้เป็นเรื่องของดวงและโชคชะตาเช่นกัน
แต่อย่าเพิ่งเข้าใจว่า คิดแบบนี้โชคดีตลอดกาล จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการแนะนำว่าจะต้องไปไหว้พระที่ไหนบนบานศาลใด ถึงจะช่วยเสริมโชคและดวงชะตา เพิ่มลาภ และปัดเป่าเรื่องร้าย ๆให้หายไปได้ เพราะหัวใจสำคัญของหนังสือเล่มนี้คือการชี้ให้ผู้อ่านเห็นว่า จริง ๆแล้วโชคและดวงสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ แบบที่เรากำหนดไม่ได้และแบบที่เราสามารถกำหนดได้ด้วยตัวเอง
โดยผู้เขียนให้ความสำคัญกับการจัดการโชคและดวงในแบบหลังตามหลักแนวคิดแบบวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาแล้วสรุปออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมว่าคนโชคดีและคนโชคร้ายมีลักษณะนิสัยและวิธีบริหารจัดการโชคและดวงชะตาของตนเองอย่างไรแม้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคและดวงที่ถูกกำหนดขึ้นแล้วส่วนหนึ่งได้แต่หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ผู้อ่านทราบเคล็ดลับในการสร้างโอกาส หรือเสริมศักยภาพพื้นโชคและดวงที่เรามีอยู่ให้ดียิ่งขึ้น หรือเป็นไปตามทิศทางที่เราต้องการให้ได้มากที่สุด สิ่งที่ผู้เขียนเน้นย้ำบ่อยครั้งก็คือ ทัศนคติและการมองโลกทั้งในแง่บวกและลบ ซึ่งมีผลกับโชคและดวงของเรา
ลองมาดูคำตัวอย่างคำแนะนำของ นักอ่านใจไดโกะภายในเล่ม
เผยความลับของคนโชคดีรวมถึงวิธีสร้างโชคด้วยตัวคุณเอง
ด้วย 7 วิธีคิดเพื่อดึงดูดโชคดี
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากก็ยังมีโชคดีอยู่
ตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยมสอง ผลการเรียนของผมย่ำแย่ หน้าตาท่าทางก็เหมือนเด็กที่ชอบถูกแกล้ง ตัวอ้วน ใส่แว่น หัวฟู ตอนนั้นผมได้แต่ภาวนาว่า ขอให้ชีวิตเลวร้ายแบบนี้รีบๆ ผ่านพ้นไป ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ คิดเท่าไหร่ก็มองได้แค่ว่าผมโชคร้ายมาก แต่เมื่อโตขึ้นแล้วมองย้อนกลับไป ตอนที่ถูกแกล้งและต้องอยู่คนเดียวเพราะไม่มีเพื่อนนั้น ทำให้ผมได้อ่านหนังสือเท่าที่ใจอยากอ่านโดยไม่มีใครมารบกวน ได้ความรู้ที่เด็กวัยเดียวกันไม่เคยได้ และทำให้ผมได้พลังทางบวกที่ช่วยให้ผมหัวเราะได้ในภายหลัง
โชคดีไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ แต่มีความเกี่ยวพันอย่างยิ่งกับความตั้งใจและความพยายามของคนคนหนึ่ง
คนที่ใครๆ ก็มองว่าโชคดี อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้พึ่งพาแค่เพียงเรื่องดวง แต่ยังพยายามเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ด้วยมือของตัวเองด้วย เราสามารถเปลี่ยนดวงของเราเองได้ด้วยความพยายามหรือไม่ก็เป็นการพลิกแพลงในแบบของตัวเอง
บรรดาคนที่โชคดีนั้นยอมรับประสบการณ์ใหม่ๆ ในชีวิต ไม่ยึดติดกับเรื่องเล็กน้อย นี่คือเคล็ดลับที่จะช่วยให้ดวงดีขึ้น
ชีวิตไม่ต้องไปกำหนดทุกอย่าง ว่าต้องแบบนี้เท่านั้น เวลาเกิดอะไรขึ้นก็มีความคิดยืดหยุ่นยอมรับได้ว่า เอาน่า แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน สิ่งนี้คงเรียกได้ว่าเป็นลักษณะพิเศษที่ทำให้ดวงดีขึ้น
หากอยากโชคดีขึ้น ต้องแยกให้ออกว่าอะไรไม่มีประโยชน์และไม่ไปยุ่งกับมัน
เวลาเผชิญปัญหา คนโชคร้ายมีแนวโน้มพึ่งพาสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ เช่นขอพร บนบาน ในขณะที่คนโชคดีจะทดลองทำสิ่งใหม่ๆ หรือพยายามอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อแก้ไขปัญหา
เช่น ตอนสอบ หากผลคะแนนไม่ดี คนโชคดีจะหาจุดอ่อนของตัวเองให้เจอแล้วรีบแก้ไข อาจจะตั้งใจเรียนมากขึ้น แต่คนโชคร้ายจะพึ่งอาหารเสริมช่วยให้สมองดี หรือพกเครื่องรางของขลังให้สอบผ่าน
หากอยากโชคดีก็ต้องแยกให้ออกว่าอะไรไม่มีประโยชน์และไม่ไปยุ่งกับมัน
หากต้องการทำให้ดวงดีขึ้น สิ่งสำคัญคือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ให้เริ่มทำให้สนุกด้วยตนเองก่อน
อย่างจัดงานปาร์ตี้วันเกิด แทนที่จะเช่าร้านอาหารธรรมดาจัดงานเลี้ยงแบบธรรมดา ก็อาจคิดวิธีเซอร์ไพรส์ปาร์ตี้ให้งานสนุก นอกจากเจ้าตัวจะสนุกแล้ว คนรอบข้างก็รู้สึกสนุกไปด้วย รู้สึกอยากขอบคุณ และสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเราเป็นคนน่าสนใจ ซึ่งนั่นก็คือการดึงดูดโชคดีและการพบปะผู้คนใหม่ๆ เข้ามา นี่แหละกุญแจของความโชคดีที่มาพร้อมความสนุก
เวลาอยู่ในช่วงไม่ราบรื่น อย่าไปคิดว่าโชคไม่ดี แต่เป็นเวลาที่ต้องคิดทบทวนว่ามีอะไรที่เรามองข้ามไปบ้าง
อย่าคิดว่าเพราะโชคไม่ดี ทุกอย่างเลยไม่ดี แต่ลองถามตัวเองว่า เดี๋ยวนะ เราลืมอะไรไปหรือเปล่า ถึงทำให้เกิดความผิดพลาด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ต้องย้อนถามตัวเองทุกครั้ง ว่าเรามองข้ามอะไรไป แล้วหาสิ่งที่มองข้ามให้เจอ เมื่อพบทางออกแล้ว ก็จะพบโชคดีอยู่ที่ปลายทางด้วยเช่นกัน
หากมนุษย์ทุกคนมองว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะดวง และยอมแพ้ไม่ทำอะไรปล่อยให้เป็นไปตามนั้น เช่น ปล่อยให้ฟ้าผ่าจนไฟไหม้บ้าน ปล่อยให้โรคติดต่อระบาด แล้วพูดว่า โชคร้ายจัง ถ้าเป็นแบบนั้นปัจจุบันนี้เราคงไม่รู้จักสายล่อฟ้าหรือยาปฏิชีวนะ
มนุษย์เราเปลี่ยนสิ่งที่เรียกว่าดวงหรือโชคชะตาได้ด้วยความพยายามหรือไม่ก็พลิกแพลงในแบบของตัวเอง ผมเชื่อแบบนั้น
ตอนที่คุณได้หยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่าน คงพูดได้ว่า ประตูแห่งความโชคดีได้เปิดต้อนรับแล้ว….มาเปลี่ยนจากคนโชคร้ายเป็นคนโชคดีที่มีความสุขด้วยหนังสือเล่มนี้กันเถอะ
